รู้จักคุ้งบางกะเจ้า
        ระบบนิเวศ 3 น้ำ 
        
                   คุ้งบางกะเจ้าตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ บางน้ำผึ้ง
            บางยอ บางกระสอบ บางกะเจ้า บางกอบัว และทรงคนอง เนื้อที่ประมาณ 11,818 ไร่
            ด้วยลักษณะเป็นเกาะล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และตั้งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวไทย
            จึงทำให้คุ้งบางกะเจ้าได้รับอิทธิพลจากระดับน้ำทะเลขึ้นลง เกิดเป็นระบบนิเวศ “3 น้ำ” คือ น้ำจืด น้ำเค็ม
            และน้ำกร่อย กลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์
            และมีความหลากหลายของสังคมพืชและสัตว์สูง
        
               จากรายงานการสำรวจของนักวิชาการจากหลายมหาวิทยาลัยในกิจกรรมชีวตะลุมบอน เมื่อวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2557  พบว่าในคุ้งบางกะเจ้า มีสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 637 ชนิด ซึ่งร่วมถึงชนิดพันธุ์หายากและบางชนิดคาดว่าเป็นชนิดใหม่ของโลกด้วย เช่น 
        
            - 
                ไส้เดือนมีปีกริมตลิ่ง สกุล Glyphidrilus
                ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกของไส้เดือนมีปีกในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างและคาดว่าจะเป็นชนิดใหม่ของโลก
            
- 
                กุ้งเต้นสีชมพู สกุล Allochestes
                เป็นรายงานการค้นพบครั้งแรกของสกุลนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
            
- ไส้เดือนฝอย สกุล Enchytraeus เป็น รายงานการค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย
- 
                พบหิ่งห้อย 4 ชนิด คือ กลุ่มหิ่งห้อยน้ำกร่อย 2 ชนิด กลุ่มหิ่งห้อยน้ำจืด 1 ชนิด และ
                กลุ่มหิ่งห้อยบก 1 ชนิด ซึ่งเป็นชนิดที่หายากพอสมควรในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
            
 
    
        ปอดของคนเมือง 
        
                   ในปี พ.ศ. 2549 นิตยสารไทม์เอเชีย (Time Asia) ฉบับ Best of Asia
            ยกย่องให้บางกะเจ้าเป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย (The Best Urban Oasis)
            จากงานศึกษาวิจัยขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และคณะวนศาสตร์
            มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2554
            ระบุว่าพื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้าช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ยปีละประมาณ 6,000
            ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และผลิตออกซิเจนได้ถึง 6 ล้านตันต่อวัน
        
        ย้อนประวัติศาสตร์ 
         
        
            - 
                ในสมัยอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 กำหนดให้เมืองพระประแดง เป็นหัวเมืองหน้าด่านทางใต้
                และหัวเมืองชายฝั่งทะเล
            
- 
                สมัยกรุงธนบุรี มีการรื้อกำแพงเมืองพระประแดงมาสร้างวัง
                ส่งผลให้เมืองพระประแดงได้หายสาบสูญไปในสมัยนั้น
            
- 
                พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
                ทรงโปรดให้มีการสำรวจปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อสร้างเมืองใหม่ ผลจากการสำรวจ
                ได้มีการสร้างป้อมปราการตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองลัดโพธิ์ ป้อมนี้ชื่อว่า “ป้อมวิทยาคม”
                เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์
            
- 
                 ต่อมาในปีพ.ศ. 2358 สมัยราชกาลที่ 2 ทรงทำพิธีฝังหลักเมืองและพระราชทานนามใหม่ให้เมืองพระประแดง
                ว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์
            
- 
                ในปี พ.ศ. 2458 รัชกาลมที่ 6 ทรงโปรดเกล้าให้เปลี่ยนชื่อเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นเมืองพระประแดง
                และยกฐานะเมืองพระประแดงเป็นจังหวัดพระประแดงมี 3 อำเภอ  คือ อ. พระประแดง อ. พระโขนง อ.
                ราษฎร์บูรณะ
            
- 
                ในปี พ.ศ.2475 ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบจังหวัดพระประแดง
                โดยให้ให้อ.พระประแดงไปขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ และอ.ราษฎร์บูรณะและอ.พระโขนงขึ้นกับกรุงเทพมหานคร
                
            
วิถีชาวสวนคุ้งบางกะเจ้า 
        
                   ภายในพื้นที่บางกะเจ้ามีลำคลองตัดผ่านหลายสาย
            ชุมชนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมแบบยกร่องสวนให้น้ำไหลเข้าช่วงหน้าน้ำ และเก็บไว้ใช้ในหน้าแล้ง
            ปลูกพืชผลหลากหลาย ทั้งไม้ผล เช่น หมาก มะพร้าว มะม่วงน้ำดอกไม้ กล้วย ชมพู่มะเหมียว ขนุน ฯลฯ
            หรือไม้ประดับที่ให้ใบให้ดอก เช่น หมากแดง หมากผู้หมากเมีย ต้นจั๋ง ฯลฯ